ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
บทวิจารณ์บรรณาธิการ : สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย
บทวิจารณ์บรรณาธิการ
หนังสือบำรุงสมองและสร้างแรงบันดาลใจเพื่อคนทำงานผู้หมดแรง เพราะที่ชีวิตขาดความทะเยอทะยาน ทำอะไรไม่สำเร็จ ทุกอย่างเป็นเพราะสมองล้า
หนังสือ
195.00 บาท
185.25 บาท
คอลัมน์ ดร.ณัชร จัดหนังสือ เล่มที่ 160 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย” ค่ะ
“ =ภาพรวม= หนังสือเล่มนี้เขียนโดยจิตแพทย์เกาหลีวัย 80 ที่ยังแข็งแรงทั้งกายใจ ผู้ซึ่งสามารถทำงานได้ถึงวันละ 15 ชั่วโมงโดยไม่เหน็ดเหนื่อย อ่านหนังสือสัปดาห์ละ 5 เล่ม และเขียนหนังสือมาแล้ว 73 เล่มค่ะ เคล็ดลับอยู่ที่ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมองล้าและรู้วิธีป้องกันและบำบัดภาวะดังกล่าวค่ะ หนังสือเล่มนี้อธิบายถึงสาเหตุต่าง ๆ ของสมองล้าอย่างละเอียดและนำเสนอวิธีปรับปรุงการใช้ชีวิตเพื่อให้คุณเป็น “มนุษย์พลังสมอง” ค่ะ ”
โดย ดร.ณัชร จัดหนังสือ
    
ถึงแม้ขนาดเล่มจะค่อนข้างหนาและมีเนื้อหาบางส่วนที่อาจจะเป็นวิชาการไปนิด  แต่โดยรวมแล้วไม่ยากเกินไปและคุ้มค่าที่จะสละเวลาอ่านเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นค่ะ

=น่าสนใจจากในเล่ม=  

*  สมองล้า หมายถึงสมองที่ทำงานไปนาน ๆ แล้วเหนื่อยอ่อน แต่ต่างกับอาการล้าทางร่างกายตรงที่ตอนเริ่มต้นเป็นเจ้าตัวจะยังไม่รู้ตัวว่าเหนื่อย  ความเครียดคือสาเหตุหลักของสมองล้า

*  อาการอันดับหนึ่งของสมองล้าคือ “สายตาอ่อนเพลีย”  ตัวการหลักคือคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน

*  ความละโมบ “เอาอีก ๆ” ความต้องการสิ่งที่ใหญ่กว่า ดีกว่า ใหม่กว่าอยู่ตลอดเวลานั้นทำให้สมองล้า

*  ถ้าสมองล้าแล้วยังทู่ซี้ทำงานต่อไป  ทั้งร่างกายและจิตใจจะเริ่มต่อต้าน ขาดสมาธิ หัวตื้อ คิดอะไรไม่ออก ร่างกายจะบีบให้พักผ่อน  ถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นบ่อย ๆ จะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้

*  สมองล้าส่งผลต่อร่างกายทั้งร่าง  ทำให้เกิดเป็นแผลในกระเพาะอาหาร เบาหวาน  โรคอ้วน ผิวหยาบกร้าน ประจำเดือนมาไม่ปกติ ภูมิคุ้มกันตกทำให้มีอาการอักเสบเกิดขึ้นตามอวัยวะต่าง ๆ  

*  หนึ่งในวิธีลดอาการสมองล้าคือ การคิดบวก สนุกกับสิ่งที่ทำ มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน ซึ่งจะสร้างความผ่อนคลายให้สมอง

*  ไม่ควรหลอกสมองด้วยสารกระตุ้น เช่น บุหรี่ หรือ สุรา เพราะจะส่งผลเสียเป็นวงจรหนักขึ้นไปอีก  กาแฟแก้วสุดท้ายควรเป็นหลังมื้อเที่ยงเท่านั้นไม่เช่นนั้นจะรบกวนคุณภาพการนอนตอนกลางคืน

*  สภาพสมองในอุดมคติคือสมองแบบเซโรโทนิน  ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในสมอง  บทบาทสำคัญของเซโรโทนินคือคงความสงบให้แก่จิตใจ  การเจริญสติภาวนาที่สร้างความสงบให้แก่จิตใจเป็นหนึ่งในวิธีป้องกันสมองล้า

*  ความรู้สึกประทับใจมีอิทธิพลมากต่อนีโอคอร์เทกซ์ของสมองใหญ่และสมองส่วนหน้าซึ่งจะช่วยสร้างพลังให้สมอง  การที่สมองจะประทับใจได้ต้องปลอดโปร่ง ผ่อนคลายก่อน  จิตใจที่เต็มไปด้วยความกังวลจะไม่สามารถรู้สึกประทับใจได้

*  มื้อเช้าเป็นพลังงานสมอง  สมองที่ขาดกลูโคสจะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  การไดเอตอย่างหนักหน่วงส่งผลให้สมองล้า

*  นอกจากเรื่องอาหารแล้วต้องปรับนิสัยในชีวิตประจำวัน และทานยาบำรุงสมองบ้าง (ในเล่มมีแนะนำ)

*  สมองชอบตอนเช้า  มีคนเพียง 1% เท่านั้นที่ตื่นตั้งแต่ตีห้า  และน่าสนใจที่คนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในชีวิตก็มีแค่ 1% เช่นกัน  การนอนดึกไม่ดีต่อสมอง  ยีนมนุษย์มีวิวัฒนาการมาให้อยู่รอดได้โดยสว่างออกไปหาอาหาร มืดก็กลับมานอน  ห้ามใช้มือถือหลังสี่ทุ่ม

*  ตอนเช้าคือช่วงเวลาที่ร่างกายเตรียมพร้อมทำงาน ทั้งฮอร์โมน ความดันเลือด อุณหภูมิในตัว การเผาผลาญ ฯลฯ  ถ้านอนตื่นสายกลไกนี้จะถูกสกัดไว้ ส่งผลร้ายต่อสุขภาพ

*  การใช้ชีวิตในเมืองตลอดเวลาสร้างความเครียดต่อประสาทสัมผัสทั้งห้า  ต้องออกไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติบ้าง  มนุษย์อยู่กับธรรมชาติมานานในดีเอ็นเองเราจึงผนึกความถวิลหาธรรมชาติเอาไว้


*  สิ่งแวดล้อมในการทำงานเป็นเรื่องสำคัญมาก  ห้องโล่ง ๆ สะอาดสะอ้านจะดีต่อสมอง  งานวิจัยระบุว่าดัชนีชี้วัดความสำเร็จกับพื้นที่ห้องที่ตามองเห็นมีส่วนสัมพันธ์กัน  ห้องของคนที่ประสบความสำเร็จมักไม่มีของระเกะระกะวางอยู่บนพื้นและเห็นพื้นห้องอย่างชัดเจน  บนโต๊ะก็สำคัญเช่นกัน

*  แค่อยู่กับผู้อื่นก็ทำให้สมองล้าได้  แต่ละวันควรมีเวลาของตัวเองเงียบ ๆ  ปลีกตัวเข้าห้องส่วนตัวหรือมุมส่วนตัว  ห้ามคิดเรื่องงาน  ทำสมาธิให้จิตสงบ  แล้วความคิดสร้างสรรค์ดี ๆ จะเกิดขึ้นได้เอง

*  เมื่อสมองไม่อยู่ในโหมดทำงานห้ามพูดติดปากว่า “ฉันทำไม่ไหว!”  เพราะคำพูดด้านลบจะฝังลึกในสมองและยากจะลบเลือน  ทำให้สมองทั้งก้อนมีแต่กระแสคิดติดลบ  แต่ให้เติมพลังให้สมองแทน (ในเล่มมีวิธี)

*  มนุษย์มีพลังฟื้นตัวที่ยิ่งใหญ่  สมองเรามีโปรแกรมสู่หนทางที่ดีงาม ความสำเร็จ และความสุขอยู่  ต้องนำออกมาใช้ให้เป็น

หนังสือชื่อ “สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย” โดย อีชีฮยอง  แปลโดย ตรองสิริ ทองคำใส  สำนักพิมพ์ Shortcut ในเครืออมรินทร์  พิมพ์ครั้งที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558  207 หน้า  ราคา 195 บาท  มีจำหน่ายตามร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป
 ------------------------------------------------------------------
เกร็ดน่ารู้:

*  เด็กสิงคโปร์และเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน 

*  คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย  

*  แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน  

คอลัมน์  “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติค่ะ

มาช่วยกันสร้างวัฒนธรรมการมอบหนังสือเป็นของขวัญในทุกโอกาสนะคะ  

ลักษณะของหนังสือมีตำหนิ (หนังสือเกรด B)
ตัวอย่าง เกรด/สภาพ
สภาพหนังสือชำรุดเล็กน้อย (B1)
ปกพับ สันบุบ ขาด
ลดราคา 20%
สภาพหนังสือชำรุดปานกลาง (B2)
ปกพับ สันบุบ ขาด สังเกตเห็นได้ว่าขาด ชำรุดมาก
ลดราคา 30%
สภาพหนังสือเก่าชำรุดปานกลาง (B3)
แต่ไม่มาก อาจมีสภาพปกพับ ปกหักร่วมด้วย
ลดราคา 50%
สภาพหนังสือเก่ามาก (B4)
อาจมีสภาพชำรุดร่วมด้วย แต่เนื้อหายังครบถ้วน
ลดราคา 70%
(ซื้อแล้วไม่รับเปลี่ยน หรือคืนทุกกรณี ยกเว้นชำรุดอันเนื่องมาจากการพิมพ์)