คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 449 จะมาคุยถึงหนังสือ ชื่อ “อย่ายอมให้ใครเหยียบฝัน”
“ =ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยดร.กฤตินี พงษ์ธนเลิศ หรือที่เป็นที่รู้จักกันในนามปากกา “เกตุวดี Marumura” นักเขียนเบสต์เซลเลอร์ในเรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่อ่านสนุกและสร้างแรงบันดาลใจอย่างสุด ๆ ทุกเล่ม
เล่มนี้คุณเกตุวดีทำการบ้านค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลของญี่ปุ่นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ บทความทางอินเทอร์เน็ต และรายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นมากมายหลายช่อง ”
ผลที่ได้คือเรื่องราวที่สมบูรณ์แบบเกี่ยวกับชีวิตคนญี่ปุ่น 19 คน ผู้เอาทั้งชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อก้าวไปถึงฝันของตนเอง
ทุกวันนี้มีหนังสือแนว “จงทำตามฝัน” ของตนเองมากมาย แต่เล่มนี้พิเศษตรงที่เป็นเรื่องราวของคนญี่ปุ่นที่ทำได้จริง ๆ แล้วถึง 19 คนเป็นตัวอย่างให้คุณฝันตามไปด้วย
ใครจะรู้ อาจจะมีเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สะกิดใจคุณจนเกิด “ซาโตริ” (ตื่นรู้แบบเซน) แล้วเป็นแรงขับเคลื่อนให้คุณปัดสิ่งที่มาเหยียบฝันของคุณออกไป แล้วก้าวไปสู่อนาคตแบบที่คุณต้องการได้สำเร็จในที่สุด!
**หมายเหตุ** ได้ยินมาว่าเล่มนี้ขายดีมาก ถ้าท่านผู้อ่านไปหาในงานแล้วพบว่าหมดแล้ว ก็ต้องขออภัยด้วย
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* คุณครูทสึโบตะ โนบุทากะ เป็นครูผู้เชื่อว่า “ไม่มีเด็กที่เกลียดความก้าวหน้าของตนเอง”
เขาสามารถใช้ความรักและความเชื่อมั่นในตัวเด็กนักเรียนค่อย ๆ ขัดเกลาให้เด็กสาวสุดเปรี้ยวแต่งตัวแรงที่สอบได้คะแนนอันดับโหล่ของโรงเรียน ถูกพักการเรียนเพราะทำผิดกฏโรงเรียน สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเอกชนที่เข้ายากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นได้
เขาใช้หลักจิตวิทยาศึกษาเด็กสาวคนนั้นอย่างละเอียดว่าเธอมีวิธีคิดแบบไหน และใช้ผลที่ได้สร้างแรงจูงใจภายในให้เด็กสาวเกิดความมุมานะพยายามด้วยตนเอง โดยคุณครูทสึโบตะไม่เคยต้องไปบังคับให้เธออ่านหนังสือสอบเลย
เด็กสาวคนนั้นชายากะ วันที่เธอสอบเข้าเคโอได้ เธอเขียนจดหมายขอบคุณครูทสึโบตะอย่างลึกซึ้ง เพียงได้อ่านจดหมายนั้น เราก็จะสัมผัสได้ว่าสิ่งที่ครูทสึโบตะมอบให้เธอมีมากกว่าแรงบันดาลใจที่จะพัฒนาความสามารถของตนเอง แต่เขามอบความสุขให้เธอด้วย
* โซโทเมะ ทัตสึยะ เป็นเชฟผู้ก้าวข้ามความหวาดกลัวของตนเอง โดยเปลี่ยนความกลัวนั้นเป็นพลังงานที่จะพัฒนาตนเองต่อเรื่อย ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อตอนไปเป็นเด็กฝึกงานที่ร้านทำเทมปูระและต้องยืนทอดต่อหน้าลูกค้าใหม่ ๆ เขาตื่นเต้นมาก ยืนขาสั่นตลอดเวลาจนเป็นที่ขบขันของลูกค้า เขาเคยคิดจะลาออกไปหลายครั้งแต่ก็ไม่กล้า
วันหนึ่งเขาพบว่าความกลัวนั้นไม่ได้เลวร้ายนัก เขาสังเกตว่าความกลัวของเขาเกิดจากความไม่อยากล้มเหลว จากนั้นเขาจึงตั้งใจหมั่นสังเกตตั้งแต่วัตถุดิบ วิธีคลุกแห้ง วิธีทอด ตลอดจนท่าทางลูกค้า
เช่น ครั้งหนึ่งมีครอบครัวพาคุณยายมาทานที่ร้านเขา เขาจึงคิดค้นวิธีบากปลาหมักให้ถี่ เพื่อที่ทอดแล้วปลาหมึกจะไม่เหนียว แต่จะนุ่มกรอบ เพื่อให้คุณยายทานได้ง่ายที่สุด
ความรักที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้านี้เอง เป็นแรงบันดาลใจให้เขาหมั่นพัฒนาตนเอง จนทุกวันนี้เขาเป็นเชฟเทมปูระอันดับ ๑ ของญี่ปุ่น ร้านของเขาเป็นร้านเทมปูระร้านเดียวในโลกที่ได้รับ Michelin Star
จิโร่ เชฟผู้ได้ชื่อว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งซูชิ” เคยมาทานเทมปุระของเชฟโซโทเมะ กล่าวไว้ว่า “เทมปุระที่นั่นไม่ใช่เทมปุระ ไปทานร้านนี้แล้ว จะไม่สามารถไปทานเทมปุระร้านอื่นได้อีกเลย”
เชฟโซโทเมะกล่าวว่า “มื้ออาหารไม่ได้หมายถึงเพียงการ “รับประทานอาหาร” แต่เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาที่คนรู้สึกตื่นเต้นก่อนทาน จนถึงความรู้สึกประทับใจหลังทานเสร็จแล้ว”
(การรักษาระดับความประทับใจต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนทาน ขณะทาน และหลังทานนี้ มีที่มาจากแนวคิดของเซนเรื่อง “ซังชิน” ท่านที่สนใจปรัชญาต่าง ๆ ของเซนและการนำมาใช้ สามารถอ่านได้ในหนังสือ วิถีดาบ วิถีเซน – ผู้วิจารณ์)
หนังสือชื่อ “อย่ายอมให่ใครเหยียบฝัน” โดย ดร.กฤตินี พงษ์ธนเลิศ สำนักพิมพ์ Ganbatte 2559 166 หน้า ราคา 199 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป