คอลัมน์ ดร.ณัชร จัดหนังสือ เล่มที่ 378 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “ตามรอยพระยุคลบาท ครูแห่งแผ่นดิน”
“ การทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสอนอะไรเราบ้าง?
หนังสือเล่มนี้เป็นการรวมคำบรรยายของดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ผู้มีโอกาสได้เข้าถวายงานแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2524
เนื้อหาโดยรวมกล่าวถึงหลักการ การทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนพระจริยวัตรที่น่าซาบซึ้งประทับใจที่ดร.สุเมธได้สังเกตมาตลอดเวลาที่ได้ถวายงาน ”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง “สอนด้วยการไม่สอน” แต่ทรงทำให้ดูอย่างแจ่มแจ้ง โดยงานทุกโครงการที่ทรงทำจะทรงศึกษาค้นคว้ามาก่อนอย่างละเอียดรอบคอบจนมั่นใจแล้วจึงทรงลงมือทำ ผู้ใดได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก็จะเห็นด้วยกับดร.สุเมธว่า ทรงเป็น “ครูแห่งแผ่นดิน” ที่แท้จริง
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรักแผ่นดิน ทรงรักประชาชน ทรงทำทุกอย่างให้แผ่นดินไทย ให้ประชาชนชาวไทย ขณะที่เสด็จฯแปรพระราชฐาน ได้ทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ของประชาชน ทรงรับฟังปัญหาจากปากคำของพสกนิกรด้วยพระองค์เอง และทรงเข้าไปแก้ไข ไม่ทรงวางเฉย
* แม้เมื่อทรงประทับอยู่ที่ร.พ.ศิริราช ก็ทรงติดตามงานในทุกเรื่องและทุกด้านตลอดเวลาทุกวัน ครั้งใดที่สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ ไปยังพื้นที่ใดก็ทรงกลับมากราบบังคมทูลรายงาน พระองค์ก็จะมีรับสั่งแนะนำตลอด
* ส่วนงานอื่น ๆ ก็จะทรงใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาเป็นเครื่องมือในการติดตามงานและทรงเรียกข้อมูลมาดูได้ตลอดเวลา
* หลักการสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือ จะทรงเน้นการปฏิบัติให้ลูกศิษย์ดู และจูงใจนักเรียนให้มาสนใจ แต่ไม่เคยทรงสั่งหรือทรงบังคับให้ทำ จะทรงสอนอย่างละเอียดให้เข้าใจทุกแง่มุม และที่สำคัญทรงเน้นเสมอว่า การสอนควรยึดรากฐานเดิมของสังคมไทยไว้ ไม่ควรคัดลอกจากต่างประเทศมากเกินไป
* ทรงสอนในเรื่องของแผ่นดิน สอนให้รู้จักและเข้าใจธรรมชาติ สอนให้รู้จักการใช้ชีวิต สอนให้ทำงานเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่น ทรงสอนในสถานที่ที่ปฏิบัติจริงทั้งสิ้น
* เมื่อคนไทยถวายพระราชสมัญญานามว่า ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดินนั้น ก็เปรียบเสมือนคนไทยทุกคนเป็นศิษย์ แต่ส่วนใหญ่เป็นศิษย์ที่แย่ คือ “ชอบเห็นพระเจ้าอยู่หัวแต่ไม่เคยมองพระเจ้าอยู่หัว ชอบได้ยินพระเจ้าอยู่หัวตรัสแต่ไม่เคยฟัง”
* ในฐานะที่พระองค์ทรงสอนมา 60 กว่าปี จริงอยู่มีหนังสือหรือเอกสารเกี่ยวกับพระราชดำริและบทพระราชนิพนธ์ต่าง ๆ มากมาย แต่จะมีใครสักกี่คนที่จะอ่านและอ่านด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
* ครั้งที่น้ำท่วมใหญ่เมื่อหลายปีก่อน ขณะนั้นน้ำไม่ได้พรวดพราดมา แต่ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเป็นวันกว่จะถึงกรุงเทพ แต่ขณะนั้นดูเหมือนว่าหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ได้ตื่นตระหนกตกใจ ล้วนอยู่ในสภาวะเฉย ๆ แต่ในฐานะที่ทรงเป็นผู้รู้เพราะว่ากรมอุตุนิยมวิทยาจะต้องถวายรายงานถวายข้อมูลทุก 10 ชั่วโมง ทรงตระหนักว่าเป็นเรื่องด่วน
* แต่ทรงระมัดระวังมาก โดยฐานะของพระองค์นั้นไม่ทรงมีสิทธิ์ที่จะไปสั่งการหน่วยงานราชการซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาล
* จึงทรงใช้วิธีเรียกอธิบดีกรมชลประทานและคนที่เกี่ยวข้องมากลุ่มหนึ่ง ให้ดูภาพจากโทรทัศน์ที่อัดเทปไว้ แล้วก็ทรงไล่ถาม เป็นไงสถานการณ์น้ำ เมื่อน้ำไหล ไหลมานาทีละกี่เมตร กี่วันจะถึง อีกกี่ชั่วโมงจะถึง เป็นการสอนทางอ้อมเพื่อให้เกิดความรู้สึก เกิดความเข้าใจว่า สถานการณ์ภัยอันตรายมาถึงแล้ว ทำไมไม่ตื่น
* ในวันนั้นหน่วยราชการได้กล่าวว่า พรุ่งนี้ข้าพระพุทธเจ้าจะไปดำเนินงาน พระองค์ก็ตรัสถามว่า น้ำหยุดแล้วหรือ ไปเดี๋ยวนี้แหละ คืนนี้เลย น้ำไม่ใช่ว่าเริ่มไหลเวลาแปดโมงครึ่งแล้วก็สี่โมงครึ่งหยุดพักตามริมตลิ่ง
* ผู้เขียนเองก็เคยถูกพระองค์ทรงสั่งสอนเช่นเดียวกัน รับสั่งให้ผมเข้าเฝ้าฯ ในวันศุกร์ พระองค์ตรัสว่า ที่ตรงนี้ที่ตรงนั้นเขาอดอยากอยู่ ผมกราบบังคมทูลว่า เดี๋ยววันจันทร์ข้าพระพุทธเจ้าจะรีบไปพระพุทธเจ้าข้า พระองค์รับสั่งทันทีว่า ความทุกข์ความทรมานไม่มีวันหยุดหรอก เขาทุกข์เดี๋ยวนี้ ต้องไปเดี๋ยวนี้เลย
หนังสือชื่อ “ตามรอยพระยุคลบาท ครูแห่งแผ่นดิน” โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พิมพ์ครั้งที่ 1 มกราคม 2556 212 หน้า ราคา 120 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำและเว็บไซต์ร้านหนังสือทั่วไป และที่มูลนิธิชัยพัฒนา
------------------------------------------------------------------
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติ โดยผู้วิจารณ์เลือกอ่านเองโดยอิสระไม่ได้รับจ้างสำนักพิมพ์ใดมาเขียน
เพจ “ดร.ณัชร” นั้นเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะทำความดีถวายในหลวง และเพื่อเทิดพระเกียรติพระอัจฉริยภาพในด้านต่าง ๆ ในการสร้างความสุขและความสำเร็จที่ยั่งยืน