ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
บทวิจารณ์บรรณาธิการ : ตั้งคำถามเพียง 1 ข้อ ก็พลิกจากตามขึ้นมานำ : Start With Why
บทวิจารณ์บรรณาธิการ
แค่ตั้งคำถามให้น้อยลงแต่ตรงจุด เเล้วคุณจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วจนใครก็ตามไม่ทัน
หนังสือ
250.00 บาท
237.50 บาท
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 480 “ตั้งคำถามเพียง 1 ข้อ ก็พลิกจากตามขึ้นมานำ” ค่ะ
“ ถ้ามีคนบอกว่า ชีวิตคุณเปลี่ยนได้ ด้วยคำถามเพียงข้อเดียว คุณจะเชื่อไหม และถ้าเขาบอกต่อว่า เพียงคำถามข้อเดียวกันนั้น คุณเองก็จะเปลี่ยนโลกได้ด้วยซ้ำล่ะ? คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” เล่มที่ 480 “ตั้งคำถามเพียง 1 ข้อ ก็พลิกจากตามขึ้นมานำ” ค่ะ ”
โดย ดร.ณัชร จัดหนังสือ
    
=ภาพรวม=
หนังสือแนวพัฒนาตนเอง/พัฒนาธุรกิจเล่มนี้เป็นเบสต์เซลเลอร์ในอเมริกาที่ทำให้ผู้เขียนได้รับเชิญไปพูด TED Talk ในหัวข้อเดียวกับชื่อหนังสือนี้มาแล้วคือ “Start with Why”
ในเล่มจะชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่างผู้นำหรือองค์กรชั้นยอดกับคนทั่วไปหรือองค์กรทั่วไปคือ ฝ่ายแรกจะมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนว่าพวกเขาทำสิ่งนั้น ๆ ไปทำไม
และเพราะพวกเขาใช้คำถามว่า “ทำไม” เป็นเหมือนเข็มทิศบอกทางนั่นเอง ทุกสิ่งที่เขาทำ พูด จึงสอดคล้อง และสามารถสร้างแรงบันดาลใจ จนผลักดันให้พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างเหนือชั้นได้
ถึงแม้ในเล่มจะกล่าวย้ำถึงแนวคิดเดิม ๆ ซ้ำ ๆ แต่ก็มีตัวอย่างกรณีศึกษาประกอบที่น่าสนใจหลายเรื่อง ถ้าคุณลองอ่านและลองตั้งคำถามนี้กับตัวคุณเองอย่างจริงจัง คุณก็น่าจะได้คำตอบที่เปลี่ยนชีวิตคุณได้นะคะ
ก่อนอ่านบทสรุปหนังสือ ครูขอให้การบ้านนะคะว่า คุณผู้อ่านอ่านคุณลักษณะผู้นำเหล่านี้แล้วนึกถึงใคร ดูซิว่าจะตรงกับครูไหม ครูเฉลยไว้ท้ายรีวิวค่ะ ^___^
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* ในอเมริกา ขั้นตอนสุดท้ายของการประกอบประตูรถยนต์คือการที่ช่างใช้ค้อนยางเคาะที่ขอบประตูเพื่อให้แน่ใจว่ามันเข้าที่ แต่ในญี่ปุ่นไม่มีขั้นตอนดังกล่าว เพราะพวกเขา “ดูให้แน่ใจแล้วตั้งแต่ตอนออกแบบ”
การใช้ค้อนยางของผู้ผลิตรถยนต์อเมริกันสะท้อนแนวคิดที่คนส่วนใหญ่มักใช้รับมือในการแก้ปัญหา คือจะหาทางแก้ไขเฉพาะหน้า
แต่วิธีที่จะรับประกันความสำเร็จระยะยาวต้องตั้งอยู่บนความเข้าใจที่ว่า “ทำไม” ประตูถึงต้องเข้าที่พอดีตั้งแต่ตอนออกแบบ
คำตอบคือ ประตูที่แนบสนิทพอดีแบบไม่ต้องคอยเคาะให้เข้าที่จะเป็นประตูที่ทนทานและสามารถรับแรงกระแทกเวลาเกิดอุบัติเหตุได้ดีกว่า
ญี่ปุ่นตั้งคำถามว่า “ทำไม” และได้ความเข้าใจนี้มา จึงออกแบบ “ผลลัพธ์” ที่ต้องการได้สำเร็จตั้งแต่แรกนั่นเอง
* วงแหวนทองคำ (The Golden Circle) เป็นแนวคิดทางคณิตศาสตร์ที่ถูกนำไปใช้ในหลายสาขา ในที่นี้ มันช่วยให้เราค้นพบระเบียบแบบแผนและคาดเดาพฤติกรรมของมนุษย์ได้
* วงแหวนดังกล่าวเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 ชั้น คนส่วนใหญ่มักจะคิดได้แค่ 2 วงนอก แต่ความเป็นจริงแล้วการจะเปลี่ยนโลก เปลี่ยนชีวิต ต้องเริ่มจากวงในสุด
* วงนอกสุดคือ “อะไร” หรือ สินค้าหรือบริการของตัวเองคืออะไร หรือพวกเขามีหน้าที่อะไรในองค์กรนั้น ๆ
* วงกลางคือ “อย่างไร” หรือ ตัวเราหรือองค์กรเราแตกต่างหรือดีกว่าคนอื่นตรงไหน
* วงในสุดคือ “ทำไม” หรือ ทำไมเราถึงทำสิ่งที่เราทำอยู่
* ตัวอย่างที่ผู้เขียนกล่าวว่าเห็นได้ชัดที่สุดว่านำวงแหวนนี้ไปใช้อย่างได้ผล คือ บริษัทแอปเปิล ที่นำไปใช้ในการสื่อสารทางการตลาด
* ถ้าเป็นเหมือนบริษัททั่วไป แอปเปิลคงจะบอกเพียงว่า “เราผลิตคอมพิวเตอร์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งถูกออกแบบมาให้งดงามและใช้งานง่าย คุณอยากซื้อสักเครื่องไหม”
* การนำเสนอเช่นนี้ บอกเพียงแค่ “อะไร” และ “อย่างไร” ดังนั้นจึงไม่น่าจะโดนใจผู้บริโภคเท่าใดนัก
* แต่แอปเปิลพูดว่า “ไม่ว่าจะทำอะไร เราก็มุ่งมั่นที่จะท้าทายสิ่งเดิม ๆ เราเชื่อในการคิดต่าง และเราก็ทำเช่นนั้นด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ให้สวยงามและใช้งานง่าย
ดังนั้น เราจึงได้ให้กำเนิดคอมพิวเตอร์ที่ยอดเยี่ยมขึ้นมา คุณอยากซื้อสักเครื่องไหมล่ะ”
* จะเห็นได้ชัดว่าอย่างที่สองให้ “ความรู้สึก” ที่แตกต่างกัน มนุษย์เราจะรู้สึกอยากซื้อคอมพิวเตอร์จากข้อความที่สองมากกว่า เพราะตรงกับวิธีการตัดสินใจของสมองซึ่งใช้สมองส่วนลิมบิก คือการตัดสินตามความรู้สึก
* และนี่คือหนึ่งเหตุผลที่ทำให้แอปเปิลประสบความสำเร็จมากกว่าผู้อื่น เพราะไม่เพียงบอกแค่ว่า “ทำไม” เขาถึงทำสิ่งที่พวกเขาทำ แต่เขาก็ยังผลิตสินค้าออกมาสะท้อนความเชื่อของพวกเขาอย่างต่อเนื่องด้วย
(วงแหวนทองคำจะไม่ได้ผล ถ้า “อย่างไร” และ “อะไร” ไม่สอดคล้องกับ “ทำไม”)
* เนื่องจากแอปเปิลมีจุดมุ่งหมาย (คำตอบของคำว่า ทำไม) ที่ชัดเจน มันจึงดึงดูดคนที่มีความเชื่อแบบเดียวกันเข้ามา ส่วนผู้คนก็จะเลือกใช้ของบางอย่างเพื่อสะท้อนถึงความเชื่อของตนเองเช่นกัน
* ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือปัจเจกบุคคล ในยามที่ประสบอุปสรรคหรือติดขัดในสิ่งที่ตนทำ แทนที่จะถามตนเองว่า “เราควรทำ “อะไร” เพื่อให้ได้ชัยชนะ” ควรถามว่า “ “ทำไม” เราถึงทำในสิ่งที่เราทำอยู่ และมี “อะไร” บ้างที่เราทำได้เพื่อให้จุดมุ่งหมายเราเป็นจริงขึ้นมา”
* ในช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกากำลังยากลำบากและพบเจอแต่อุปสรรค น้อยคนนักที่จะถามตัวเองว่า สามารถทำอะไรให้กับประเทศได้บ้าง
แต่นั่นคือเจตนารมณ์ของจอห์น เอฟ. เคนเนดี ที่เขาประกาศไว้ในวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
ประโยคนั้นสื่อว่า "ทำไมเขาถึงตัดสินใจลงสมัครเป็นประธานาธิบดี" นั่นเอง
* ผู้นำที่ดีคือคนที่เชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเอง พวกเขาล้วนเริ่มต้นที่คำว่า “ทำไม”
==ข้อคิดที่ได้จากหนังสือเล่มนี้==
* ตอนที่ครูอ่านว่าผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่จะเริ่มต้นด้วยคำว่า “ทำไม” นั้น ครูนึกถึงพระพุทธเจ้ากับในหลวงร.๙ ค่ะ
* เจ้าชายสิทธัตถะก็เริ่มต้นด้วยการถามว่า “ทำไมคนเราต้อง แก่ เจ็บ และตาย” จนกระทั่งทรงได้คำตอบว่า “ก็เพราะว่าคนเราเกิดมาน่ะสิ” นั่นเอง
จากนั้นจึงนำไปสู่คำถามของพระองค์ว่า “แล้วต้องทำ “อย่างไร” คนเราจะได้ไม่ต้องมาเกิดอีก”
* สองคำถามนั้นนำไปสู่ “อะไร” ของพระองค์ คือ”การออกผนวชเพื่อหาวิธีที่จะไม่ต้องมาเกิดอีก”
* ส่วนในหลวงร.๙ นั้น เมื่อทรงตั้งพระราชปณิธานจะขึ้นครองราชย์ก็คงจะทรงเริ่มต้นด้วยการถามพระองค์เองเช่นกันว่า “จะทรงครองราชย์ไปทำไม” และคำตอบที่พระองค์ได้ก็คือ “เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม”
* จากนั้นจึงนำไปสู่คำถาม “อย่างไร” ของพระองค์ ว่าต้องทรงครองราชย์ “อย่างไร” มหาชนชาวสยามจึงจะได้ประโยชน์สุข และทรงได้คำตอบว่า ก็ต้องครองราชย์ “โดยธรรม”
* และด้วยพระราชปณิธาน “ทำไม” และ “อย่างไร” ที่ชัดเจนเช่นนี้เอง จึงทำให้ “อะไร” ของพระองค์ชัดเจนและมีความสม่ำเสมอ คงเส้นคงวา สอดคล้องไปด้วย
ซึ่งได้แก่ พระราชกรณียกิจที่ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขพวกเราพสกนิกรด้วยพระเมตตาตลอดรัชสมัยนั่นเอง
* จึงไม่น่าแปลกใจที่ทั้งพระพุทธองค์และในหลวงร.๙ จึงทรงเป็นผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่
* แม้แต่คนธรรมดา ๆ อย่างเราทุกคนก็ควรหาเวลาหยุดคิดเงียบ ๆ เพื่อถามตนเองว่า “เราเกิดมาทำไม” ด้วย
คำตอบที่ได้ก็จะเป็นจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวท่านเองไปตลอดชีวิต
หนังสือชื่อ “ตั้งคำถามเพียง 1 ข้อ ก็พลิกจากตามขึ้นมานำ” โดย Simon Sinek แปลโดย วิญญู กิ่งหิรัญวัฒนา สำนักพิมพ์วีเลิร์น 264 หน้า ราคา 250 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป

ลักษณะของหนังสือมีตำหนิ (หนังสือเกรด B)
ตัวอย่าง เกรด/สภาพ
สภาพหนังสือชำรุดเล็กน้อย (B1)
ปกพับ สันบุบ ขาด
ลดราคา 20%
สภาพหนังสือชำรุดปานกลาง (B2)
ปกพับ สันบุบ ขาด สังเกตเห็นได้ว่าขาด ชำรุดมาก
ลดราคา 30%
สภาพหนังสือเก่าชำรุดปานกลาง (B3)
แต่ไม่มาก อาจมีสภาพปกพับ ปกหักร่วมด้วย
ลดราคา 50%
สภาพหนังสือเก่ามาก (B4)
อาจมีสภาพชำรุดร่วมด้วย แต่เนื้อหายังครบถ้วน
ลดราคา 70%
(ซื้อแล้วไม่รับเปลี่ยน หรือคืนทุกกรณี ยกเว้นชำรุดอันเนื่องมาจากการพิมพ์)